อุ้มไม่ไหวแล้ว จ่อขยับราคา LPG แบบขั้นบันไดหลัง 31 มี.ค.นี้ กก.ละ 1 บาท

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการรับมือราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบปริมาณก๊าซธรรมชาติแหล่งเอราวัณที่จะลดลงจากการเปลี่ยนผ่านการผลิต โดยจะสรุปเสนอนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ช่วงกลางเดือน ก.พ.ถึงปลาย ก.พ.นี้ โดยนโยบายหลักยังคงเน้นที่จะช่วยเหลือลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชน แต่จะมุ่งเน้นภาพรวม และเฉพาะกลุ่มมากขึ้น และจำเป็นต้องใช้วงเงินในการดูแลเพิ่มขึ้น ซึ่งกำลังหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ ว่าจะนำเงินส่วนใดมาดูแลเช่น อาจจะมาจากงบกลางของรัฐบาลที่เป็นรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดูแลการตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม (กก.) จะสิ้นสุด 31 มี.ค.นี้ โดยได้เตรียมเงินกู้ไว้เสริมสภาพคล่องวงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาทโดยล็อตแรก 2 หมื่นล้านบาทจะเข้ามา เม.ย. ยอมรับว่าวงเงินนี้คงไม่เพียงพอ เพราะขณะนี้มีเงินไหลออกเดือนละ 7,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น หากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 14,080 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ถือว่าสูงมาก ส่งผลให้กองทุนฯต้องอุดหนุนราคาดีเซล 3.79 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยราคาจริงอยู่ที่ 34 บาทต่อลิตรแล้ว และกองทุนฯ ต้องใช้เงินเฉลี่ย 7.9 หมื่นล้านบาทต่อเดือนดูแล ขณะที่ตรึง LPG มาเกือบ 2 ปี ใช้เงินไปแล้วรวม 2.5 หมื่นล้านบาท โดยยอมรับ LPG เมื่อสิ้นสุดการตรึงราคา 31 มี.ค. อาจจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นแบบขั้นบันได ไตรมาสละ 1 บาทต่อกก. หรือขยับจาก 318 บาทต่อถัง กก. ไปเป็น 333 บาทต่อถัง และ 363 บาทต่อถัง ซึ่งแม้จะขยับขึ้นก็ยังคงต้องใช้เงินอุดหนุน เพราะขณะนี้ราคาจริงสูงถึง 432 บาทต่อถัง โดยการปรับราคาหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคา LPG ตลาดโลกในเวลานั้น

อย่างไรก็ตาม หากขึ้น LPG ก็จะช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม อาจจะเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน จากเงินช่วยเหลือปัจจุบันอยู่ที่ 45 บาท โดยในส่วนของเงินเพิ่ม 55 บาทนี้ กระทรวงพลังงานพยายามหาเงินช่วยเหลืออยู่ ส่วนการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล เป็นกลไกของกระทรวงการคลัง ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา หากราคาน้ำมันไปถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อาจต้องหารือ

ส่วนกรณีราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ได้มอบให้ ปตท. ช่วยตรึงราคาไว้ที่ 15.59 บาทต่อกก.จนถึงกลางเดือน มี.ค. ซึ่งกรณีกลุ่มแท็กซี่เรียกร้องขอราคา 10.50 บาทต่อกก. กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาช่วยเฉพาะกลุ่มและให้ประชาชนได้รับประโยชน์ โดยจะดูเรื่องการช่วยรถสาธารณะเป็นหลัก ซึ่ง ปตท. มีโครงการลมหายใจเดียวกันช่วยเหลือแท็กซี่ ก็กำลังดูเพิ่มเติมว่าจะช่วยอย่างไร โดย ปตท. ช่วยตรึงราคาตั้งแต่ พ.ย.2564-กลางเดือน มี.ค.2565 เป็นเงินราวเกือบ 1.5 พันล้านบาท

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า มีความกังวลใน 3 เดือนข้างหน้าที่ราคาน้ำมันโลกจะผันผวนสูง โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่ม ปตท. (PRISM Expert) ประเมินราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 88-93 เหรียญต่อบาร์เรล เฉลี่ยทั้งปี 78-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาพลังงานอื่นๆขยับขึ้นเกินคาด เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากโควิด-19 ปัญหาขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ปัญหารัสเซีย-ยูเครน ค่าเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกดดันต่อสถานะกองทุนน้ำมันฯ

อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy