นครศรีธรรมราชพบผู้ติดเชื้อโควิด”โอมิครอน” รายแรกของจังหวัด พร้อมเปิดไทม์ไลน์เดินทางมาจากกรุงเทพฯโดยรถทัวร์โดยสารเพื่อมางานศพที่อ.สิชล เผยฉีดวัคซีนแล้ว 3 เข็ม เป็นซิโนแวค 2 เข็มและไฟเซอร์ 1 เข็ม ขณะที่ผู้ป่วยอาการทั่วไปปกติ
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 65 นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ โอมิครอนจำนวน 1 ราย ซึ่งนับว่าเป็นรายแรกของ จ.นครศรีธรรมราช โดยตรวจพบที่ โรงพยาบาลสิชล จึงได้แจ้งผู้รับผิดชอบสำนักงานสาธารณสุขอำเภอสิชล ดำเนินการสอบสวนโรคและควบคุมป้องกันโรคโดยด่วนแล้ว
ผลการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ติดเชื้อเป็นหญิงอายุ 26 ปี อาชีพพนักงานบัญชีของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมหลานเพื่อมางานศพในพื้นที่ อ.สิชล ก่อนเดินทางได้ตรวจ ATK ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 และผลไม่พบเชื้อ จึงโดยสารรถทัวร์กรุงเทพฯ-นครศรีฯ ในวันเดียวกันถึงอ.สิชลช่วงเช้าของวันที่ 29 ธ.ค.64 โดยมีป้ากับลุงเดินทางไปรับที่สถานีขนส่งมายังบ้าน
ต่อมาผู้ติดเชื้อมีอาการเหมือนไข้หวัด จึงตรวจ ATK ด้วยตนเองอีกครั้ง ผลตรวจพบสงสัยติดเชื้อโควิด-19 จึงเดินทางไปตรวจที่ โรงพยาบาลสิชล กับพ่อและหลาน ผลตรวจRT-PCR ยืนยันติดเชื้อโควิด
มท.สนองนโยบายนายกฯกำชับอปท.จัดการขยะ ATK ให้ถูกวิธี
ศธ.ให้สถานศึกษาเรียนออนไลน์ได้ หากเสี่ยงโควิดระบาด
จากนั้นโรงพยาบาลสิชล ได้ส่งตรวจหาสายพันธุ์ไวรัสที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 30 ธ.ค.64 และได้รับการแจ้งผลเบื้องต้นว่าพบเข้าข่ายเป็นเชื้อโอมิครอน ขณะนี้ผู้ป่วยได้พักรักษาตัวห้องแยกเดี่ยว โรงพยาบาลสิชล อาการทั่วไปปกติ
จากการตรวจสอบประวัติรับวัคซีนผู้ป่วยรายนี้ พบว่า ได้รับวัคซีน 3 เข็ม เป็นวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มและไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยเข็มที่ 3 ฉีดเมื่อวันที่ 16 ส.ค.64 ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 23 ราย มีครอบครัวที่กรุงเทพฯ และเพื่อนที่ทำงานรวม 4 ราย ผู้ป่วยได้แจ้งไปยังครอบครัวและที่ทำงานแล้ว ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ อ.สิชล 10 ราย เนื่องจากผู้ป่วยมีการตรวจหาเชื้อก่อนเข้าร่วมงานศพ จึงมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเฉพาะญาติ
ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงในรถโดยสารทั้งหมด 42 ราย เป็นผู้โดยสาร 40 ราย พนักงานขับรถ 2 ราย ผู้ติดเชื้อนั่งในที่นั่งด้านหลังแถวที่ 36 มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 9 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 33 ราย ทีมสอบสวนโรคได้โทรติดตามได้ทุกรายให้มาตรวจหาเชื้อโรงพยาบาลใกล้บ้าน
ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำให้เฝ้าระวังสังเกตอาการรวมทั้งให้แจ้งประวัติการเดินทางเมื่อมีอาการให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ได้สูงและรวดเร็ว
